Posted in ซีรี่ย์ Netflix, ซีรี่ย์​ฝรั่ง

รีวิวซีรี่ส์ : American Horror Story Season 4

American Horror Story ปี 4 มาในชื่อตอนว่า Freak Show คราวนี้จับเอาเรื่องราวในคณะแสดงคนประหลาดมาบอกเล่า พร้อมผูกเรื่องในสไตล์ลึกลับหลอนซ่อนเงื่อนเช่นเดิมครับ

ทราบมาว่าเรื่องราวในปีนี้บ้านเราไม่ค่อยโปรดกันนัก แต่สำหรับอเมริกาแล้ว ถือเป็นปีที่มียอดผู้ชมมากเป็นอันดับ 2 (รองจากปี 3) ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจล่ะครับ เพราะพวก Sideshow (โชว์คนประหลาด) นั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่อยู่คู่วัฒนธรรมอเมริกันมานาน มีทั้งคนที่ชมชอบการดูคนประหลาดเหล่านี้ และคนที่กลัวจนไม่อยากไปเดินงานก็มีไม่น้อยครับ

ยิ่งตัวตลกจมูกแดงนี่ก็เป็นสิ่งน่ากลัวฝังใจสำหรับใครหลายคนเลยล่ะ

ไหนจะพวกเรื่องเล่า Urban Legend ว่าด้วยคนประหลาดที่เอาคนไปฆ่าไปแกง, เด็กวัยรุ่นที่ย่องไปตามหลังเวทีหรือหลังม่านของคนประหลาดแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก หรือตัวตลกที่ไล่เชือดคนอีก (ขนาดป๋า Stephen King ยังเอาตัวตลกมาเป็นโฉมของปีศาจเพนนีไวส์เลยครับ)

จึงไม่แปลกครับที่ปีนี้จะได้รับความสนใจพอประมาณจากฟากมะกัน ส่วนบ้านเราก็อาจเฉยๆ และอาจงงกับบางแง่บางมุมของซีรี่ส์ ก็ไม่ต้องแปลกใจครับ คิดเสียว่าเป็นเพราะความต่างของพื้นทางวัฒนธรรมนั่นเองครับ

ส่วนผมก็เพลินนะอยู่ครับ แน่นอนว่าปี 2 คือที่สุด ส่วนปีนี้ก็ถือว่าโอเค ดูได้เรื่อยๆ สนุกเพราะการแสดงของ Jessica Lange, Kathy Bates และที่ชอบแบบโคตรๆ คือบทรับเชิญของ Neil Patrick Harris ที่พี่แกเล่นได้อย่างสุดยอดน่ะครับ คือปกติจะเห็นแกตลก เห็นแกเท่ห์กึ่งเพี้ยน แต่มาเรื่องนี้มันออกแนวเพี้ยนแบบดราม่า แล้วผสมความจิตเข้าไป เป็นอะไรทีฟินมาก (อันนี้ความชอบส่วนตัวครับ)

อีกคนก็พี่ Wes Bentley ครับ มาดดูลึกลับน่ากลัวไม่เลว ยิ่งตอนหนังถ่ายภาพเล่าเรื่องแบบขาวดำก็ดูขลังดี

ในขณะที่ดาราเจ้าอื่นก็กลางๆ ครับ ไม่ว่าจะ Sarah Paulson, Evan Peters, Frances Conroy และ Emma Roberts ที่จริงๆ ฝีมือนั้นไม่มีปัญหาครับ แต่บทอาจจะไม่ถึงกับเด่นเข้มเท่าที่ควร

ปีนี้หนังใช้ความหลอน ความลึกลับจากบรรยากาศโชว์คนประหลาดมาเป็นประโยชน์ได้ไม่เลวครับ เพียงแต่หากใครไม่ได้มีพื้นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็อาจเฉยถึงเฉยมาก ในแง่ของบทก็จัดว่าเรื่อยๆ ไม่ได้เข้มอะไรมากมาย หรือบางอันที่เหมือนจะเข้มก็จะออกแนวซ้ำทางกับ 3 ปีก่อนหน้า เลยทำให้แฟนประจำเดาต่อได้ในบางจังหวะ (อันนี้ไม่โทษใครครับ โทษตัวเอง เพราะดันเดาเอง 555)

สรุปว่าถ้าใครตามดูมา 3 ปีแล้วอยากลองดูต่อก็ได้ครับ ลองดูสักตอน 2 ตอน ถ้าชอบก็ดูต่อ แต่ถ้ารู้ว่าไม่แนวก็หยุดดูได้ครับ เพราะโทนและดีกรีความเพลินของทั้ง 13 ตอนก็พอๆ กันครับ ดังนั้นถ้าตอนแรกไม่อะไร ก็คงจะไม่อะไรกับตอนหลังๆ ด้วยเช่นกัน
คะแนนความชอบ 6.5/10

ผู้เขียน: